Ad Grid เป็นกลยุทธ์การ สร้างแคมเปญโฆษณา ที่หลายเว็บไซต์ยอดนิยมเลือกใช้ เพื่อเพิ่มอัตราการเข้าชมโฆษณาให้สูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถวางแผน ทดสอบและวัดผลยอดผู้เข้าชมแคมเปญโฆษณาที่เราชำระเงินและที่สำคัญวิธีการนี้จะช่วยจัดระเบียบและวางระบบกลยุทธ์ให้การเพิ่มจำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์ได้ดีมากยิ่งขึ้น
Ad Grid นั้นความจริงแล้วก็คือแผ่นตารางธรรมดาหรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่า Spreadsheet ซึ่งสามารถใช้ได้กับธุรกิจทุกรูปแบบ โดยในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับกลยุทธ์การทำ Ad Grid แบบเจาะลึกกันค่ะ
ขั้นตอนการทำ Ad Grid
หลังจากที่ทำความรู้จักกับ Ad Grid ไปแล้ว เราจะพาไปดูกับขั้นตอนการทำ Ad Grid กันทีละขั้นตอน เพื่อให้สามารถ สร้างแคมเปญโฆษณา ให้มีผู้เข้าชมที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วตามใจต้องการกันเลยทีเดียว
1. กำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้กับธุรกิจของคุณด้วยโปรไฟล์ Avatar
ก่อนอื่นเราจะพาไปทำความรู้จักกับ Avatar กันก่อนว่าคืออะไร สำหรับ Avatar นั้น คือโปรไฟล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีแนวโน้มที่จะสนใจสินค้าและบริการของเรามากที่สุดนั่นเอง แต่สำหรับการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหรือ Avatar บนตาราง Ad Grid ของเรานั้นไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกแคมเปญก็ได้ค่ะ เราสามารถสร้าง Avatar เฉพาะสำหรับแคมเปญโฆษณาแต่ละรายการได้ โดยในการสร้าง Avatar นี้เราจะเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการค้นหาข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อค้นหากลุ่มเป้าหมาย ปัญหาและหนทางการแก้ปัญหาให้กับพวกเขา โดยระบุ Avatar ของเราไว้บน แนวนอนของตารางแรกของ Ad Grid ตามรูปด้านล่างนี้
อันดับแรกสำหรับการทำตารางในครั้งนี้เราต้องคิดก่อนว่า ใครบ้างที่เหมาะกับข้อเสนอหรือแคมเปญโฆษณานี้ คนกลุ่มไหนที่เราสามารถพูดคุยกับพวกเขาได้ และพวกเขามีความแตกต่างกันอย่างไร ตัวอย่างเช่น แคมเปญการตรวจสอบสื่อโซเชียลมีเดีย 10 นาที ซึ่งผู้คนที่เราเลือกใช้นั้นจะประกอบไปด้วย ผู้จัดการสื่อโซเชียลมิเดีย หัวหน้าสื่อโซเชียลมิเดีย เจ้าของบริษัทเอเจนซี่และ Solopreneur หรือผู้ประกอบการแบบเดี่ยวที่ทำการตลาดเองทั้งหมดรวมถึงกลยุทธ์โซเชียลมีเดียและการดำเนินงานด้านอื่น ๆ ด้วยตัวเองอีกด้วย ด้วยเหตุผลที่เลือกกลุ่มเป้าหมายเป็น 4 กลุ่มนี้ก็เพราะว่าพวกเขามีเป้าหมายที่ตรงจุดกับแคมเปญเปญโฆษณาด้านการตรวจสอบสื่อโซเชียลมิเดียของเรานั่นเองค่ะ
2. สร้างข้อความทางการตลาดที่โดนใจผู้บริโภค
ข้อนี้จะช่วยแสดงให้เห็นว่าทำไมผู้คนถึงจำเป็นต้องสนใจข้อเสนอของเรา ซึ่งสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องทำมากที่สุดในข้อนี้ก็คือ การอธิบายถึงประโยชน์ คุณค่าและข้อเสนอเพื่อ “ขาย” มันออกไปให้กับกลุ่มเป้าหมาย โดยในขั้นตอนนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ 6 วิธีเกี่ยวกับการคิด ข้อความทางการตลาด ที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดใจผู้บริโภค
ข้อเสนอนี้มีอะไรบ้าง
สำหรับข้อนี้เราต้องคิดก่อนว่าสิ่งที่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายหลักของเราจะได้รับนั้นมีอะไรบ้าง พวกเขาจะได้รับอะไรจากสิ่งที่พวกเขาไม่เคยมีมาก่อนเพื่อสร้างความน่าสนใจและดึงดูดผู้บริโภค
ความรู้สึกของผู้ใช้งาน
ในส่วนของข้อนี้จะเป็นการคำนึงถึงความรู้สึกของผู้ใช้งาน ว่าเมื่อกลุ่มเป้าหมายได้รับข้อเสนอของเราแล้วจะรู้สึกอย่างไร มันจะช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้น มั่นใจขึ้นไหม สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้พวกเขาได้หรือเปล่า
ค่าเฉลี่ยในแต่ละวัน
ในส่วนนี้จะเป็นการคำนึงถึงระยะเวลาและพลังงานที่ใช้ในแต่ละวันของกลุ่มเป้าหมาย ว่าข้อเสนอในแคมเปญโฆษณาของเรานั้น มีส่วนช่วยในการประหยัดเวลาและพลังงานในแต่ละวันของพวกเขาได้อย่างไรบ้าง
ผลลัพธ์การใช้งาน
ในส่วนนี้เราอาจจะมีการยกตัวอย่างกรณีศึกษาหรือผลลัพธ์ที่ลูกค้าจะได้ประโยชน์จากข้อเสนอในแคมเปญโฆษณาเหล่านี้ว่ามีอะไรบ้าง ตัวอย่างเช่น การใช้คำพูดโฆษณาที่เชิญชวนผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายด้วยคำว่า ‘ผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คนได้รับสิทธิพิเศษจากแคมเปญนี้ไปเรียบร้อยแล้ว’ หรืออธิบายผลลัพธ์การใช้งานที่เกิดขึ้นจริงจากการใช้งานหรือได้รับข้อเสนอในครั้งนี้ก็ได้เช่นกัน
ความเร็วและระบบอัตโนมัติ
ในส่วนนี้จะพูดถึงข้อเสนอในด้านความรวดเร็ว ที่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายได้เช่น มีดโกนนี้จะช่วยให้คุณประหยัด 10 นาทีต่อวัน
3. เขียนข้อความโฆษณา
ในส่วนนี้จะเป็นการเขียนข้อความโฆษณาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการเขียนข้อความโฆษณาที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละบล็อกบนตาราง เพื่อช่วยให้เราสามารถเขียนคำโฆษณาออกมาได้เข้ากับกลุ่มเป้าหมายและข้อความทางการตลาด ในขั้นตอนที่ 1 และ 2 นั่นเองค่ะ ซึ่งความยาวและประเภทของการเขียนข้อความโฆษณานั้นจะแตกต่างกันไปตามแพลตฟอร์มที่เราต้องการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ในส่วนนี้เราขอแนะนำให้ลองคิดดูว่าทำไม ข้อความการตลาดที่เราสื่อออกไปนั้นถึงได้ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายของเราโดยเฉพาะ
4. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย
โปรดจำไว้ให้ขึ้นใจเลยค่ะว่า หากเลือกแคมเปญผิดกลุ่มเป้าหมายแล้วละก็แคมเปญโฆษณาของเราก็มีแต่ล้มเหลวไม่เป็นท่าอย่างแน่นอน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการทำการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายถึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งในการทำการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายนั้นสิ่งแรกที่คุณควรทำคือการตอบคำถามดังต่อไปนี้
กลุ่มเป้าหมายของคุณอ่านอะไรกันบ้าง?
ใครเป็นแรงบันดาลใจของพวกเขา?
อะไรเป็นแรงบันดาลใจของพวกเขา?
ปัญหาของพวกเขาคืออะไร?
สิ่งที่พวกเขาสนใจคืออะไร?
กิจกรรมอะไรบ้างที่พวกเขาอยากเข้าร่วม?
การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายนี้จะช่วยให้เราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสามารถสร้างแคมเปญโฆษณาออกมาได้ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
5. สร้างแคมเปญโฆษณา อย่างสร้างสรรค์
การสร้างสรรค์แคมเปญโฆษณาที่น่าสนใจสามารถทำได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น วิดีโอ รูปภาพ และกราฟิกต่าง ๆ ซึ่งรูปแบบของการโฆษณานั้นจะขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มที่นำเสนอ เช่นถ้าหากเป็น YouTube ก็จะเหมาะกับวิดีโอและ รูปภาพอาจจะเหมาะกับ Pinterest หรือ Instagram มากกว่า แต่นอกจากรูปภาพแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำแคมเปญโฆษณาก็คือข้อความการตลาดที่ดึงดูดที่จะช่วยให้ผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น
6. รวบรวมผลลัพธ์ของคุณ
หลังจากทำขั้นตอนทุกอย่างครบแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเปิดตัวแคมเปญโฆษณาของเรากันแล้วค่ะ ซึ่งหลังจากเปิดใช้งานแคมเปญของเราเรียบร้อยแล้วประมาณ 5-7 วันแล้ว ให้เริ่มวิเคราะห์ผลลัพธ์ของเราได้ทันทีเลยค่ะ จากนั้นก็ถึงเวลาที่จะใช้ Ad Grid เพื่อวัดความสำเร็จของแคมเปญโฆษณากันได้เลยค่ะ ด้วยการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จสำหรับแคมเปญของเราไม่ว่าจะเป็น ROI ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญสำหรับผู้สร้างแคมเปญโฆษณา รวมถึงโมเดลการคิดค่าโฆษณาในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Cost Per Acquisition ที่คิดค่าโฆษณาจากการกระทำที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ เช่นการสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์, Cost Per Lead ที่คิดค่าโฆษณาจากยอดการเข้าถึงบนเพจหรือเว็บไซต์ และ Cost Per Click คือการจ่ายเงินให้กับค่าโฆษณาซึ่งจะนับจากยอดคลิกเข้าไปดูนั่นเองค่ะ และเมื่อทราบถึงข้อมูลทั้งหมดแล้วก็ทำการใส่ข้อมูลลงไปใน Ad Grid ของเราได้เลยเพื่อทำการปรับขนาดของการทำโฆษณาให้เหมาะสมกับธุรกิจของเราในขั้นตอนถัดไป
7. ปรับขนาดของการทำโฆษณา
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายกันแล้วค่ะ นั่นก็คือการปรับขนาดของโฆษณา ที่สามารถช่วยให้เรากำหนดงบประมาณการโฆษณาให้เหมาะสมกับธุรกิจของเราได้ ซึ่ง Ad Grid จะช่วยให้เราปรับขนาดได้ด้วย 2 วิธีคือ Scaling past ที่ช่วยต่อยอดโฆษณาของเราได้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มงบประมาณของโฆษณาให้มีขอบเขตที่ชัดเจนมากขึ้น และ Scaling out คือการเพิ่มคนเข้าไปเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของงานโดยการใช้ Ad Grid นั้นจะช่วยทำให้คนอื่น ๆ ในทีมสามารถเห็นรูปแบบการทำงานและเข้าใจงานได้ชัดเจนมากขึ้น
เทคนิคการทำ Ad Grid นี้เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ทางการตลาดที่จะช่วยให้เราสร้างโฆษณา ที่สามารถกำหนดเป้าหมายไปยังผู้ชมในวงกว้าง เพื่อสร้างโฆษณาเฉพาะสำหรับผู้คนกลุ่มเป้าหมายที่มีเนื้อหาที่ครบถ้วนซึ่งมีแนวโน้มที่จะช่วยเพิ่มความประสบความเร็จในการทำโฆษณาของเราได้ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ สุดท้ายนี้ก็หวังว่าบทความเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังมองหาวิธีการสร้างแคมเปญโฆษณาอยู่นะคะ